ความผิดพลาดของมนุษย์: ชนเผ่า ถ้ำ ตลาด และโรงมหรสพ
พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
เห็นสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในระยะนี้ ยิ่งทำให้เห็นความจริงประการหนึ่งว่า ทะเลแห่งความมืดบอดของสังคมไทยนับวันจะขยายตัวออกไปมากขึ้น
และเกาะแห่งปัญญานับวันจะลดน้อยถอยลง หากภาวะเช่นนี้ดำรงต่อไปนานเท่าไร
ก็ยิ่งทำให้ทะเลแห่งความมืดบอดมีโอกาสกลืนกินเกาะแห่งปัญญาจนหมดสิ้นในไม่ช้า
ผมไปอ่านงานของนักปรัชญาท่านหนึ่ง เห็นว่ามีความน่าสนใจโดยเฉพาะการวิเคราะห์เกี่ยวกับความผิดพลาดทางปัญญาและการให้เหตุผลของมนุษย์ ซึ่งทำให้เราต้องนำมาทบทวน
ระมัดระวัง จะได้ไม่ตกอยู่ในความผิดพลาดนั้น
เพื่อจะได้พัฒนาปัญญาของตนเองให้กระจ่างชัด และมีหนทางในการนำพาสังคมให้หลุดพ้นจากทะเลแห่งความมืดบอดต่อไป
ฟรานซิส เบคอน
นักปรัชญาชาวอังกฤษซึ่งมีชีวิตระหว่าง ค.ศ. 1561 ถึง 1626 วิเคราะห์จำแนกสาเหตุของความผิดพลาดในการใช้เหตุผลของมนุษย์ออกเป็นสี่แบบ ได้แก่ ความผิดพลาดแบบรูปเคารพของชนเผ่า (Idols
of the Tribe) ความผิดพลาดแบบรูปเคารพของถ้ำ
(Idols of the Cave) ความผิดพลาดแบบรูปเคารพของตลาด (Idols of the Market-place) และความผิดพลาดแบบรูปเคารพของโรงมหรสพ
(Idols of the Theatre)
ความผิดพลาดแบบ “รูปเคารพของชนเผ่า”
เป็นการอ้างเหตุผลผิดพลาดอันเกิดจากการยึดติดกับความเข้าใจ ความเชื่อ ความชอบ
หรือความพึงพอพอใจ เบคอน กล่าวว่า
ประโยคที่บอกว่ามนุษย์เป็นมาตรฐานของสรรพสิ่งเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง เพราะจิตของมนุษย์นั้นคล้ายกระจกที่ขรุขระ
เมื่อรับรู้และสะท้อนสิ่งใดออกมาก็มักจะบิดเบือนจากสภาพความเป็นจริงเสมอ
ดังนั้นประสาทสัมผัสของมนุษย์จึงมักยืนยันผิดๆเสมอ
เบคอน
ยังกล่าวอีกว่า
ความเข้าใจของมนุษย์มีธรรมชาติที่แปลกประหลาด คือมักจะทึกทักเอาเองว่า สรรพสิ่งมีระเบียบ
แบบแผน และความสม่ำเสมอมากกว่าที่พบจริงๆ
เมื่อมนุษย์เชื่อในแบบแผนใดแบบแผนหนึ่ง
พวกเขาก็พยายามผลักดันทุกสิ่งให้สนับสนุนและยืนยันแบบแผนนั้น แม้ว่ามีข้อมูลหรือตัวอย่างที่น่าเชื่อถือมากมายบ่งบอกไปในทิศทางตรงข้าม พวกเขาก็จะมองไม่เห็นการดำรงอยู่ของมัน ยิ่งกว่านั้นยังปฏิเสธหรือวิพากษ์วิจารณ์
และคัดออกไปด้วยความรุนแรงและอคติที่เป็นอันตราย
ลองดูตัวอย่างปรากฎการณ์ในสังคมไทยปัจจุบัน กรณีแรก กลุ่มคนเสื้อแดงเข้าใจว่าคุณยิ่งลักษณ์
ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นคนเก่ง ฉลาด และสวย
ด้วยความเข้าใจเช่นนั้นกลุ่มเสื้อแดงทั้งที่เป็นสื่อมวลชน
นักวิชาการ และชาวบ้าน ก็มองไม่เห็นหลักฐานที่แสดงสิ่งตรงข้ามกับความฉลาด ความเก่งของคุณยิ่งลักษณ์
เมื่อใครหรือบุคคลใดเสนอหลักฐานที่สะท้อนถึงความเซ่อซ่าหรือทึมทึบทางปัญญาของคุณยิ่งลักษณ์ พวกเสื้อแดงก็จะปฏิเสธการดำรงอยู่ของหลักฐานเหล่านั้น
หรือไม่ก็วิพากษ์วิจารณ์ตอบโต้ผู้นำเสนอหลักฐานนั้นด้วยความรุนแรง
อีกกรณีหนึ่ง คือ
กลุ่มลัทธิเสื้อแดงสร้างความเชื่อขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อเป็นฐานความชอบธรรมทางการเมืองของตนเอง
นั่นคือ การชุมนุมทางการเมืองของสาวกลัทธิเสื้อแดงเป็นการชุมนุมที่สงบสันติเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เมื่อมีผู้เสนอหลักฐานอย่างชัดเจนว่า
การชุมนุมของคนเสื้อแดงหาได้เป็นอย่างที่บรรดาแกนนำทั้งหลายประกาศ แต่กลับเป็นการชุมนุมที่มีการใช้อาวุธสงครามทั้งปืนและระเบิดทำร้ายและสังหารเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มเสื้อแดงด้วยความรุนแรง แกนนำเสื้อแดงก็ออกมาวิจารณ์และตอบโต้กลุ่มผู้เสนอหลักฐานนั้นอย่างรุนแรง
เบคอนกล่าวว่า
เมื่อมนุษย์ได้กำหนดปัญหาและความเชื่อตามเจตจำนงของเขาแล้ว มนุษย์จะหันไปหาประสบการณ์หรือข้อเท็จจริง จากนั้นจะจัดสภาพ จัดการ และโน้มน้าวปรับสภาพข้อเท็จจริงให้สอดคล้องกับความเชื่อ
ความคิด และความชอบของตน
มนุษย์ลากจูงข้อเท็จจริงไปราวเป็นเชลยศึกในขบวนแห่ฉลองชัยชนะของสงคราม
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดนี้ เบคอน เสนอว่า เมื่อไรก็ตามที่จิตของเราให้ความสนใจหรือฝังใจกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยความพอใจอย่างประหลาด ให้ตั้งสติและตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน
และจะต้องเพ่งพิจพิจารณาอย่างระมัดระวังให้มากขึ้น
ในการวิเคราะห์ต้องทำความเข้าใจโดยพยายามแขวนหรือปล่อยวางอคติเอาไว้ อย่าปล่อยให้จิตด่วนสรุปกระโดดจากสิ่งเฉพาะไปสู่กฎทั่วไปโดยปราศจากการพิสูจน์ เช่น เมื่อเห็นผู้ชุมนุมเสื้อแดงคนหนึ่งเสียชีวิตจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า
ผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่เสียชีวิตทั้งหมด เกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะเป็นการด่วนสรุปโดยปราศจากข้อพิสูจน์ การคิดหรือการใช้จินตนาการแบบด่วนสรุปเป็นศัตรูของปัญญาและความรู้แจ้ง
ความผิดพลาดแบบแบบที่สอง เบคอน เรียกว่า “รูปเคารพของถ้ำ” มนุษย์ทุกคนมีถ้ำของตนเอง
ซึ่งเป็นแหล่งที่หล่อหลอมกล่อมเกลาจิต
และสร้างธรรมชาติอันเป็นคุณลักษณะทางจิตของมนุษย์ขึ้นมา
จิตของมนุษย์บางคนเป็นจิตของการวิเคราะห์ชอบมองสรรพสิ่งอย่างจำแนกแยกแยะ ขณะที่จิตบางคนเป็นจิตของการสังเคราะห์ที่ชอบมองสรรพสิ่งในลักษณะประสานสอดคล้องเชิงบูรณาการ
จิตบางคนมีความเชื่อและความชื่นชมในประวัติศาสตร์วัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิม แต่จิตบางคนกลับกระตือรือร้นในการรับสิ่งที่แปลกใหม่ มีจิตของมนุษย์ไม่มากนักที่พยายามสร้างความสมดุลระหว่างการรักษารากฐานในอดีตและการสนับสนุนนวตกรรมและการเปลี่ยนแปลง
ความผิดพลาดแบบนี้เปรียบเสมือนมนุษย์ตกอยู่ในถ้ำของตนเอง
และคิดว่าทั้งจักรวาลมีถ้ำของตนเองเพียงถ้ำเดียวที่เป็นความจริง ส่วนถ้ำอื่นๆนั้นเป็นเพียงมายาภาพ รูปเคารพของถ้ำจึงทำให้มนุษย์มองความจริงเพียงด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว
เข้าใจเอาเองว่าความจริงแบบเสี่ยงเสี้ยวที่ตนเองเชื่อนั้นเป็นสัจธรรม ที่สำคัญคือคนจำนวนมากต้องการให้คนอื่นเชื่อตามตนเอง และผลสืบเนื่องตามมาคือความขัดแย้ง
ความผิดพลาดแบบที่สามเป็นแบบ
“รูปเคารพของตลาด”
เป็นรูปเคารพที่เกิดมาจากการปฏิสัมพันธ์และการคบหาสมาคมของมนุษย์
ในกระบวนการนี้ภาษาได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือการสื่อสาร แต่ทว่าความหมายของถ้อยคำ วลี
และประโยคถูกกำหนดด้วยความเข้าใจรวมหมู่ของมนุษย์ คำที่เลวและไม่เหมาะสมแต่สอดคล้องกับกระแสของตลาดจึงเกิดขึ้นมา
และกลายเป็นกำแพงอันทรงประสิทธิภาพในการกีดขวางปัญญาของมนุษย์
ในสังคมไทยคำบางเช่น
การปรองดอง
มีสภาพเป็นรูปเคารพของตลาดและกลายเป็นเครื่องมือในการลบล้างความผิดของอาชญากร หรือ คำว่า “ประชาธิปไตย” ก็กลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มทุนสามานย์และนักการเมืองที่ใช้เพื่อสร้างความชอบธรรมในการฉ้อฉล
ทุจริต และคอรัปชั่นของกลุ่มตนเอง หรือ “นโยบายประชานิยมเป็นการคืนกำไร”
แท้จริงแล้วคือประโยคที่ใช้ปกปิดความโง่เขลาและชี้ให้เห็นถึงความรู้สึกผิดของผู้ใช้
สำหรับความผิดพลาดแบบที่สี่
เบคอน เรียกว่า “รูปเคารพของโรงมหรสพ”
ในรูปเคารพแบบนี้เป็นการสร้างบทละครหลายองค์ หรือเรื่องเล่าที่สะท้อนถึงโลกความเป็นจริงที่มนุษย์สร้างขึ้นมา
เป็นของปลอมที่เลียนแบบอย่างงดงาม กล่าวอีกนัยหนึ่งโลกหรือความเป็นจริงที่มนุษย์บรรยายเป็นสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมาจากจินตนาการ
และทำให้เราเห็น “ตัวตนของผู้สร้าง” มากกว่าเป็น “โลกของความจริง”
สังคมไทยขณะนี้
กลุ่มลัทธิแดงมีการพยายามสร้างหมู่บ้านแดงขึ้นมา
หรือพยายามสร้างสิ่งที่เรียกว่าแดงทั้งแผ่นดิน โดยหมู่บ้านแดงเป็นของปลอมที่พยายามเลียนแบบชุมชนประชาธิปไตย มีการเขียนป้ายใช้คำขวัญต่างๆนานาเพื่อให้สอดคล้องกับจินตนาการของประชาธิปไตย
แต่ทว่าเรื่องเหล่านั้นกลับเป็นเรื่องหลอกลวง
เพราะว่าหมู่บ้านเหล่านี้มีสภาพเป็นเครื่องมือหรือจักรกลทางการเมืองของพรรคการเมืองบางพรรค
คอยรับคำสั่งให้เคลื่อนไหวสนับสนุนผู้นำพรรค ขณะเดียวกันก็ออกมาไล่ล่า คุกคาม
ข่มขู่ผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากกลุ่มตนเอง
เราไม่มีทางไปได้ไกลในการแสวงหาความจริง
หากความผิดพลาดแบบรูปเคารพอย่างนี้ดำรงอยู่
แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ อวิชชาและความโง่เขลาจะถูกเรียกว่าปัญญาและความรู้ ความชั่วและการฉ้อฉลจะถูกเรียกว่าความดีและความซื่อตรง ความรุนแรงจะถูกเรียกว่าสันติวิธี
เผด็จการและการใช้กฎหมู่ถูกเรียกว่าประชาธิปไตยและเสรีภาพ การใช้กฎหมายบังคับใช้อย่างรุนแรงต่อกลุ่มที่ไม่ใช่พวกตนเองถูกเรียกว่านิติรัฐ การใช้เงินงบประมาณแผ่นดินตอบแทนพวกตนเองที่กระทำการก่อการร้ายเผาเมืองจะถูกเรียกว่านิติธรรม และอาชญากรจะถูกเรียกว่าวีรบุรุษ
ด้วยเหตุนี้หากสังคมใดมีการแพร่ระบาดของความผิดพลาดทั้งสี่แบบ
สังคมนั้นก็มีแนวโน้มเป็นสังคมแห่งความมืดบอด โลกทางปัญญาและความจริงจะถูกปิดตาย เราจึงต้องหาทางหยุดยั้งวิธีคิดที่ผิดพลาดเหล่านี้
การตั้งสติ ปล่อยวางอคติ สร้างปัญญา
พัฒนาขอบเขตของความเข้าใจปรากฎการณ์ให้รอบด้านอย่างสมดุลย์ และการวิพากษ์ ถ้อยคำ วลี ประโยค และข้อสรุปที่ปิดกั้น บิดเบือน
ความจริงและการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ จะเป็นเส้นทางสายหนึ่งที่นำพาสังคมไทยหลุดพ้นจากปลักตมแห่งความมืดบอดในปัจจุบันได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น