ชาวโลกไม่เอานักการเมืองขยะ
พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
ในทศวรรษนี้
กระแสการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนเกิดขึ้นทั่วโลก
ประชาชนหลายประเทศได้ลุกออกจากบ้านเดินสู่ท้องถนนเพื่อต่อต้านนักการเมือง
“ขยะ”
และพยายามขจัดมลพิษของระบบการเมืองให้จางหายไป
นักการเมืองขยะ
คือนักการเมืองที่มีความฉ้อฉล ทุจริตคอรัปชั่น กอบโกยโกงกินบ้านเมือง ลุแก่อำนาจ
ใช้อำนาจอย่างไม่ชอบและไม่เป็นธรรม
ล้างความผิด ฟอกอาชญากร ทั้งยังประพฤติตัวเป็นมาเฟีย
ข่มขู่คุกคามเล่นงานข้าราชการที่พูดความจริงและประชาชนที่ไม่ใช่พวกพ้องฝ่ายตน ขณะเดียวกันก็ปรนเปรอมวลชนที่สนับสนุนตนเองด้วยงบประมาณของรัฐ เล่นพวกเล่นพ้อง
แต่งตั้งคนที่ยืนยอมรับใช้ตนเองในตำแหน่งสำคัญโดยไม่คำนึงถึงความสามารถ
นักการเมืองขยะมีอยู่ในทุกประเทศในโลกใบนี้
บางประเทศมีน้อย บางประเทศมีมาก ประเทศใดที่มีนักการเมืองขยะมาก ประเทศนั้นก็เดินหน้าสู่ความหายนะ
ประชาชนเดือดร้อนไปทั่วทุกหัวระแหง เมื่อประชาชนประเทศใดทนไม่ไหว
พวกเขาก็ลุกขึ้นมาแสดงออกทางการเมืองในหลากหลายวิธีเพื่อกำจัดนักการเมืองขยะออกไป ตั้งแต่การไม่ไปเลือกตั้ง
การไปใช้สิทธิเลือกตั้งแต่ไม่ลงคะแนนให้แก่นักการเมืองคนใด การแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชนและสื่อสังคมผ่านอินเตอร์เน็ต
การใช้กลไกทางกฎหมายเท่าที่สังคมนั้นเอื้ออำนวยให้
การชุมนุมประท้วงอย่างสันติ
การชุมนุมประท้วงอย่างรุนแรง การก่อการจลาจล และการก่อสงครมกลางเมือง
ในการกำจัดนักการเมืองขยะ
ประชาชนมักจะเริ่มต้นจากวิธีการที่อยู่ในระบบ ใช้กฎหมายและใช้อย่างสันติวิธี
แต่หากใช้สันติวิธีอย่างยาวนานแล้วไม่เกิดประสิทธิผลใดๆ
ประชาชนก็จะหันไปใช้วิธีการที่มีความเข้มข้นมากขึ้น บางวิธีอาจเป็นความรุนแรง และอาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองได้
นักการเมืองขยะของบางประเทศอาจเป็นนักการเมืองที่หน้าบาง
เมื่อเห็นประชาชนจำนวนมากแสดงอาการไม่พอใจกับการบริหารประเทศของตน
หรือชุมนุมขับไล่เพียงไม่กี่ครั้ง พวกเขาก็ลาออกไป หรือบางประเทศที่มีระบบและกระบวนการยุติธรรมเข้มแข็ง ทั้งตำรวจ อัยการ ศาล และองค์กรอิสระของรัฐ
ปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ และตรงไปตรงมา
ประเทศนั้นก็สามารถขจัดนักการเมืองขยะออกไปได้โดยอาศัยกระบวนการทางกฎหมาย ประชาชนไม่ต้องเหนื่อยยากออกไปเดินขบวนชุมนุมขับไล่
ความเข้มแข็งของระบบยุติธรรมจะทำให้นักการเมืองขยะบางคนชดใช้กรรมในคุก
บางคนฆ่าตัวตาย และบางคนถูกประหารชีวิตก็มี วิธีการนี้จึงเป็นวิธีการที่ขจัดนักการเมืองขยะออกไปได้อย่างมีประสิทธิผลวิธีหนึ่ง
แต่หากประเทศใดโชคร้าย
มีนักการเมืองขยะที่ปราศจากความละอายในบาปและความชั่วใดๆแล้ว
แม้จะขับไล่กี่หนกี่ครา นักการเมืองขยะเหล่านั้นก็ไม่มีวันลาออก ยังคงดื้อด้าน
ทำหูทวนลม สั่งสมความชั่วต่อไปเรื่อยๆ
และหากผนวกกับโชคร้ายหนักๆที่ระบบและกระบวนการยุติธรรมอ่อนแอ บุคลากรส่วนใหญ่ทั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทางของระบบยุติธรรม
หากไม่ถูกนักการเมืองขยะซื้อตัวก็กลายกลายเป็นลูกน้องที่เชื่องๆที่อยู่ในโอวาทของนักการเมืองขยะ
ประเทศนั้นก็จะถูกบริหารปกครองโดยนักการเมืองขยะอย่างยาวนานหลายสิบปี
ความโชคร้ายของประเทศจะมีมากขึ้นไปอีกหากว่าประเทศนั้นมีประชาชนจำนวนมากมีความรู้สึก
“เฉยชา” ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับความชั่วร้ายของนักการเมืองขยะ ไม่ว่านักการเมืองขยะจะสร้างความวิบัติหายนะเท่าไร
ก็ยังไม่เห็น ไม่สนใจ ไม่สำนึก คิดว่าไม่เป็นไร กว่าจะรู้ตัวตื่นขึ้นมา ก็สายเกินไป
ไม่อาจร่วมเหนี่ยวรั้งสถานการณ์ไว้ได้อีกต่อไป
แต่สิ่งที่เป็นโศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดก็คือ
การมีประชาชนบางส่วนหลงผิด
คิดว่านักการเมืองขยะเป็นมหาบุรุษหรือเป็นยอดสตรี
เทิดทูนบูชานักการเมืองขยะเหล่านั้นราวกับเป็นบุคคลที่ทรงคุณค่า ประชาชนเหล่านั้น
ด้วยความที่มีขีดความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์และความเป็นจริงที่จำกัด
ทำให้พวกเขาหลงเชื่อในคำโฆษณาชวนเชื่อของนักการเมืองขยะโดยง่าย
นักการเมืองขยะจำนวนมากมีความสามารถสูงในการสร้างวาทกรรม
สร้างภาพมายาคติที่ชวนให้ลุ่มหลงงมงาย โดยใช้ความจริงครึ่งหนึ่งและหลอกลวงอีกครึ่งหนึ่ง
สร้างเรื่องราวที่เป็นเท็จให้กลายเป็นเสมือนเรื่องจริง สร้างเรื่องราวที่เป็นฟองสบู่
ดุจเป็นเรื่องที่ยั่งยืนถาวร ขายความเพ้อฝันของอนาคตที่มีวันที่จะบรรลุ
ไม่ต่างกับลัทธิศาสนาอันวิปริตบางลัทธิที่เอานิพพานมาขายคนบ้าบุญนั่นเอง
นักการเมืองขยะใช้กลไกการโฆษณาชวนเชื่อหลายรูปแบบ ผลิตซ้ำทางความคิด
และตอกย้ำจนประชาชนอันไร้เดียงสาทางการเมืองจำนวนมากเกิดจิตสำนึกที่ผิดพลาด เทิดทูนคนที่กดขี่ขูดรีดตนเอง
หลงเข้าใจไปว่านักการเมืองขยะมีบุญคุณต่อตนเอง
เมื่อนักการเมืองขยะใช้ให้ทำอะไร ไปคุกคามใคร หรือไปสนับสนุน
พวกเขาก็ไปอย่างว่าง่าย บางคนมีอาการหนักโดยยอมเป็นทาสเป็นขี้ข้ารับใช้นักการเมืองขยะอย่างสุดหัวใจ ไม่ว่าพวกเขาสั่งให้ทำอะไรก็ทำ
โดยไม่หลงเหลือสามัญสำนึกของความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่เลย ดังนั้นประเทศที่มีประชาชนเป็นทาสของนักการเมืองขยะจึงมักมีการทำร้าย
หรือ เข่นฆ่ากันด้วยสาเหตุทางการเมืองเป็นจำนวนมาก
แต่หากประเทศใดที่มีประชาชนจำนวนมากมีจิตสำนึกที่ถูกต้อง
รับรู้ความเป็นจริงอย่างรอบด้าน มีความสามารถในการจำแนกแยกแยะความถูกความผิด
ความจริงและความเท็จ
มีความกล้าหาญทางการเมือง
และมีทักษะในการใช้ยุทธศาสตร์การต่อสู้เคลื่อนไหวทางการเมือง
ประเทศนั้นก็จะมีแนวโน้มที่ประชาชนสามารถจำกัดนักการเมืองขยะออกไปจากระบบการเมืองได้
แต่การกวาดล้างนักการเมืองขยะออกไปให้หมดสิ้นอย่างถาวรเป็นเรื่องที่มีความยากพอสมควร เพราะนักการเมืองขยะมีลักษณะเหมือนหญ้าคา
หากไม่ขุดรากถอนโคน ปล่อยทิ้งไว้สักพักก็จะโผล่ขึ้นมาใหม่ ดังบทเรียนในหลายประเทศ
ที่ประชาชนร่วมกันเก็บกวาดนักการเมืองขยะเดิมทิ้งไป หากไม่มีระบบการเมืองที่มีประสิทธิภาพ
ในไม่ช้านักการเมืองขยะชุดใหม่ก็โผล่ขึ้นมาอีก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น