ฟาสซิสต์ อภิมนุษย์และโศกนาฏกรรม
พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
ฟาสซิสต์เป็นอุดมการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์มนุษยชาติซึ่งมีอิทธิพลต่อชีวิตผู้คนในโลกร่วมสมัยจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนสงครามและหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในปัจจุบันพลังของฟาสซิสต์ในฐานะที่เป็นเครื่องมือทางอุดมการณ์ที่รัฐบาลใช้เป็นแนวทางดำเนินการทางการเมืองได้ลดลง
แต่ทว่าร่องรอยของความคิดและความเชื่อแบบฟาสซิสต์ยังคงปรากฎให้เห็นอยู่ทั่วไปในหลายสังคม
อุดมการณ์ฟาสซิสต์เกิดขึ้นท่ามกลางความโกลาหลทางสังคมในยุโรปหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งซึ่งสภาวะถดถอยและตกต่ำทางเศรษฐกิจแผ่กระจายไปทั่วทุกมุมโลก
ความอดอยากและความทุกข์ยากของผู้คนที่หิวโหยก่อให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับอุดมการณ์หลักที่ครองอำนาจทางการเมืองยุคนั้น
อุดมการณ์เสรีนิยม
อนุรักษ์นิยม สังคมนิยม และคอมมิวนิสต์
เป็นเป้าหมายที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในฐานะที่เป็นอุดมการณ์ทางการเมืองที่นำมาซึ่งความถดถอยทางเศรษฐกิจ การทรยศหักหลังทางการเมือง การทำให้ชาติอ่อนแอ และการทำให้ศีลธรรมเสื่อมถอย
นักปรัชญาที่มีอิทธิพลอย่างมากต่ออุดมการณ์ฟาสต์ซิสคือ
เฟรดริช นิทซ์ชี่ หลักคิดเกี่ยวกับศีลธรรมที่ว่า
ศีลธรรมไม่ได้อยู่ที่ความเมตตาหากแต่อยู่ที่กำลังอำนาจ
เป้าหมายของการพัฒนามนุษย์ไม่ใช่อยู่ที่การยกระดับคนทั้งหมด หากแต่ต้องพัฒนาปัจเจกบุคคลที่แข็งแรงกว่าและมีคุณสมบัติดีกว่าให้เป็นอภิมนุษย์ นิทซ์ชี่กล่าวอย่างเย้ยหยันว่า สิ่งสุดท้ายที่บุคคลซึ่งมีสติสัมปชัญญะจะกระทำคือการพัฒนามนุษยชาติทั้งหมด
เพราะว่ามนุษยชาติเป็นเพียงนามธรรม ไม่มีตัวตนดำรงอยู่
แต่สิ่งที่ที่ดำรงอยู่อย่างแท้จริงคือปัจเจกบุคคล
นิทซ์ชี่ยังกล่าวว่า
ให้สังคมสิ้นสุดเสียดีกว่า หากสังคมนั้นปราศจากผู้มีสติปัญญาระดับสูง สังคมเป็นเครื่องมือสำหรับส่งเสริมอำนาจและบุคลิกภาพของปัจเจกบุคคล
สังคมและกลุ่มหาได้มีเป้าหมายในตัวมันเองแต่อย่างใด
อภิมนุษย์ของนิทซ์ชี่เริ่มจากการมีชาติกำเนิดที่สูงส่งหรือการมีสายเลือดที่ดีซึ่งจะเป็นรากฐานในการสร้างปัญญาให้สูงส่ง การสร้างอภิมนุษย์นั้นนิทซ์ชี่ระบุว่าต้องทำโดยการอบรมที่เข้มงวดภายใต้หลักสูตรที่สมบูรณ์แบบชัดเจน
จักต้องมีการฝึกฝนร่างกายให้รับความทุกข์ทรมานทางกายอย่างสงบเยือกเย็น ฝึกฝนบ่มเพาะเจตจำนงแห่งการเรียนรู้ทั้งในแง่การเชื่อฟังคำสั่ง
และการออกคำสั่ง
เจตจำนงอิสระในทัศนะของนิทซ์ชี่เป็นเรื่องที่ไร้สาระ แต่เจตจำนงที่เป็นความดีคือเจตจำนงแห่งอำนาจ
นิทซ์ชี่นิยามความดีว่าเป็นทุกสิ่งเพิ่มพูนความรู้สึกแห่งการมีพลังอำนาจ ส่วนความเลวคือสิ่งทั้งมวลที่เกิดจากความอ่อนแอ
ดังนั้นคุณลักษณะของอภิมนุษย์คือความรักในอันตรายและการต่อสู้อย่างมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ด้วยเหตุนี้ สงครามจึงเป็นสิ่งที่ดี นิทซ์ชี่ย้ำว่า
สงครามที่ดีย่อมทำให้สาเหตุที่ทำให้เกิดสงครามนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์
นิทซ์ชี่วิจารณ์ชนชาติต่างๆในยุโรปได้อย่างแหลมคม
เขามองว่าชาวอังกฤษเป็นบุคคลที่แย่ที่สุด คนอังกฤษทำให้จิตใจคนฝรั่งเศสเสื่อมด้วยความคิดประชาธิปไตยจอมปลอม เขากล่าวเสียดสีว่า เจ้าของร้านขายของ วัว สตรี คนอังกฤษ
และนักประชาธิปไตยเป็นพวกเดียวกัน
ทั้งยังประณามว่าลัทธิประโยชน์นิยมและความป่าเถื่อนของอังกฤษคือความตกต่ำอย่างถึงที่สุดของวัฒนธรรมยุโรป
เมื่อกล่าวถึงประชาธิปไตย
นิทซ์ชี่มองว่าประชาธิปไตยเป็นความเลื่อนลอที่อนุญาตให้ผู้คนทำในสิ่งที่พอใจโดยละเลยความต่อเนื่องและการขึ้นแก่กันและกัน การบูชาเสรีภาพและความวุ่นวายคือการบูชาความสามัญและเกลียดชังความเป็นเลิศ
และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีบุคคลยิ่งใหญ่ซึ่งยอมอยู่ภายใต้การเลือกตั้งที่ไร้ศักดิ์ศรีและไร้ระเบียบ
อภิมนุษย์ไม่มีทางเกิดขึ้นมาภายใต้กระบวนการประชาธิปไตยอย่างเด็ดขาด
และชาติจะไม่มีวันยิ่งใหญ่ได้เพราะบุคคลคลที่ยิ่งใหญ่ของชาติไม่ได้ถูกนำมาใช้
นิทซ์ชีมองว่าธรรมชาติรักความแตกต่างของปัจเจกบุคคล
ชนชั้นและเชื้อชาติ ขณะที่รังเกียจความเท่าเทียม
กระบวนการวิวัฒนาการของสรรพชีวิตนั้นเป็นกระบวนการที่ผู้ที่เหนือกว่าแสวงหาผลประโยชน์และยังชีพด้วยชีวิตของผู้อื่น
ปรากฎการณ์ของปลาใหญ่กินปลาเล็กเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ของธรรมชาติ บางครั้งบรรดาเหล่ามวลชนอาจแสดงปฏิกิริยาต่อต้านบ้างด้วยความอิจฉาริษยาผู้ปกครอง
แต่การจัดการไม่ใช่เรื่องยากเพียงแต่เปิดประตูให้บรรดาฝูงชนบางคนเดินเข้ามาบนสวรรค์บ้างเป็นครั้งคราวก็สามารถสยบความวุ่นวายได้
แต่เมื่อไรก็ตามที่ผู้ปกครองเกิดความไร้ประสิทธิภาพและเฉื่อยชาสิ่งที่ตามมาคือคนที่อยู่เบื้องต่ำกว่าจะมีความคิดปฏิวัติเพื่อหนีให้พ้นจากสภาพของการเป็นผู้ต่ำต้อย
และเมื่อบรรดาทาสทำการปฏิวัติสำเร็จพวกเขาก็จะกลายเป็นกลุ่มที่สูงส่งขึ้นมา
นิทซ์ชี่มองว่านายทุนและชนชั้นกลางสมัยใหม่ในยุโรปเป็นสิ่งแสดงออกของความด้อยค่าและเสื่อมลงของวัฒนธรรมในศตวรรษที่สิบเก้า ลัทธิบูชาความมั่งมีละคนมีเงินแพร่ขยายออกไป
อันที่จริงแล้วบรรดานักธุรกิจที่เกิดขึ้นในยุคนั้นเป็นทาสของงานประจำและความคิดในการแสวงหาเงินตรา พวกเขาไม่มีเวลาสำหรับสร้างความคิดใหม่
การคิดเป็นสิ่งต้องห้ามในกลุ่มคนเหล่านั้นและความสุขทางปัญญาเป็นสิ่งที่อยู่ปลายจักรวาลที่ยากจะเอื้อมไปถึง
นักธุรกิจและชนชั้นกลางแสวงหาความสุขอย่างกระวนกระวายและฉาบฉวยด้วยการซื้อบ้านอันใหญ่โตมโหฬาร
ชอบความหรูหราที่ปราศจากรสนิยม
สะสมภาพถ่ายราคาแพงที่ตนเองไม่มีเข้าใจอันใจเลยเกี่ยวกับความงามและสุนทรียภาพ นิยมชมชอบความบันเทิงทางโลกีย์ที่ทำให้จิตใจและปัญญามืดทึบ
วิถีการดำเนินชีวิตเยี่ยงนี้เป็นการพาตนเองไปสู่ห้วงเหวแห่งโคลนตม
และเต็มไปกลิ่นสาบสางแห่งความโลภ
ในท้ายที่สุดมนุษย์ก็กลายเป็นสัตว์ที่กินกันเอง
ดักซุ่มโจมตีซึ่งกันและกันอย่างรุนแรงและโหดร้าย
มุ่งแสวงหาผลกำไรเล็กๆน้อยๆจากขยะมูลฝอยนานาชนิด การใช้ชีวิตเยี่ยงนี้เปรียบประดุจโจรสลัดซึ่งประดิษฐ์ประดอยวิธีการปล้นชิงให้มีความละเอียดประณีต นิทซ์ชี่เรียก
การซื้อสินค้าในราคาถูกเพื่อนำมาขายในราคาแพงว่าเป็นศีลธรรมของโจรสลัด
สำกรับบรรดากลุ่มนายพล นิทซ์ชี่มองว่าเป็นกลุ่มที่ใช้ทหารของตนเองให้หมดไปในสนามรบ
ทำให้พวกเขาพอใจกับการตายด้วยยาสลแห่งเกียรติยศ
อย่างไรก็ตามนิทซ์ชี่กำหนดสถานะของกลุ่มนายพลไว้เหนือกว่ากลุ่มนักธุรกิจที่ใช้คนเป็นเครื่องจักรเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
เพราะว่ากลุ่มนายพลเป็นผู้สร้างสงครามซึ่งนิทซ์ชี่มองว่าเป็นยารักษามนุษย์ที่เริ่มอ่อนแอและสำราญกับความสุขสบายอันน่าเหยียดหยาม
สงครามกระตุ้นจิตวิญญาณที่ผุพังอันเป็นผลมาจากความสงบมากจนเกินไป
สงครามและการทหารจึงเป็นยารักษาพิษความอ่อนแอของระบอบประชาธิปไตยอันเป็นระบอบของคนขายของ
ปัญหาการเมืองคือการมีพวกพ่อค้านักธุรกิจมาปกครองประเทศเพราะว่าคนประเภทนี้สายตาสั้นและมีความเข้าใจคับแคบ
พวกนี้มิได้มีวิสัยทัศน์ยาวและกว้างไกลเฉกเช่นชนชั้นสูงซึ่งได้รับการอบรมให้เป็นรัฐบุรุษ
การจะแก้ปัญหาการเมืองได้อย่างยั่งยืนคือการหาวิธีการที่มีประสิทธิผลในการป้องกันมิให้บรรดานักธุรกิจเข้ามาปกครองประเทศ
นิทซ์ชี่มองว่าผู้ปกครองอันเป็นชนชั้นสูงต้องเป็นทั้งนักวิชาการและนายพลในบุคคลเดียวกัน
มีความแหลมคมทางปัญญาขณะเดียวกันก็ต้องมีความกล้าหาญดุจทหาร
กลุ่มที่เป็นผู้ปกครองมิใช่รัฐบาลเพราะว่างานที่แท้จริงของรัฐบาลคืองานรับใช้ ผู้ปกครองอันเป็นรัฐบุรุษและนักปราชญ์ต้องมีอำนาจเหนือรัฐบาลในการควบคุมการเงินและกองทัพ
ต้องเป็นกลุ่มคนที่สามารถประสานความสุขภาพของร่างกายและจิตวิญญาณได้อย่างตลอดเวลา
หลักคิดของนิทซ์ชีเกี่ยวกับอภิมนุษย์
กฎความแตกต่างของธรรมชาติ การรักษาสายเลือดให้บริสุทธิ์ การสนับสนุนสงคราม
และการปกครองแบบอภิชนาธิปไตยเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งนำมาวางรากฐานเป็นอุดมการณ์ทางการเมืองและสถาปนาลัทธิฟาสซิสต์ขึ้นมาในประเทศอิตาลี
และได้ขยายไปสู่ประเทศเยอรมันจนกระทั่งพัฒนาเป็นลัทธินาซี
อุดมการณ์ของฟาสซิสต์และนาซีคือ
ความเชื่อที่ว่ากฎธรรมชาติแล้วมนุษย์เกิดมาไม่เท่าเทียม
การเชิดชูความเสมอภาคและเท่าเทียมเท่ากับละเมิดกฎธรรมชาติ
ในสังคมมีผู้กลุ่มที่มีสายเลือดสูงส่งอันเป็นชนชั้นสูงหรือเผ่าพันธุ์ที่มีศักยภาพในการเป็นอภิมนุษย์เป็นผู้สร้างวัฒนธรรมอันได้แก่เผ่าอารยัน ส่วนเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำที่ทำลายอารยธรรมคือพวกยิว
ความเชื่อเช่นนี้นำไปสู่การทำสงครามล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวโดยพรรคนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
และสร้างโศกนาฎกรรมและรอยแผลที่ยากแก่การลบเลือนในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น