การพัฒนาภูมิปัญญาของมนุษย์
มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพภายในตนเองที่จะพัฒนาภูมิปัญญาให้มีความหลักแหลม
รู้แจ้งเข้าใจในสรรพสิ่ง เข้าใจความเป็นจริงของจิตใจตนเอง
เข้าใจความเป็นจริงของโลกและจักรวาล
และเข้าใจความเป็นจริงของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกันเอง และมนุษย์กับสรรพสิ่งรอบตัว
ดังนั้นจึงเป็นที่น่าเสียดายว่ามนุษย์บางคนประเมินตนเองต่ำเกินไป
และคิดว่าตนเองไร้ความสามารถในการสร้างภูมิปัญญา
การคิดเช่นนั้นกลายเป็นข้อจำกัดและอุปสรรคในการพัฒนาภูมิปัญญา
การพัฒนาภูมิปัญญาเริ่มต้นจากการเข้าใจตนเอง
วิเคราะห์ตนเองว่ามีจุดอ่อนและจุดแข็งอย่างไร
โดยประเมินอย่างตรงไปตรงมาไม่เข้าข้างตนเอง
และเมื่อเข้าใจตนเองตามความเป็นจริงแล้ว
ก็กำหนดเป้าหมายหรือการวาดภาพตนเองในอนาคตว่า ต้องการเห็นภาพตนเองในอนาคตอย่างไร
ภาพในอนาคตเกี่ยวกับตนเองของมนุษย์อาจมีความแตกต่างกัน
บางคนหวังเพียงได้รับความสะดวกสบายทางวัตถุ
บางคนคาดหวังที่จะได้รับการยอมรับจากสังคม
บางคนหวังว่าจะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในการสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้น
บางคนหวังว่าจะบรรลุถึงความตระหนักรู้ในตนเองและช่วยให้ผู้อื่นเกิดความรู้แจ้งเช่นเดียวกับตนเอง
เมื่อมีเป้าหมายในอนาคตหรือบางที
เรียกว่า “วิสัยทัศน์ส่วนบุคคล” สิ่งที่ควรดำเนินการต่อไปคือ
การแสวงหาวิธีการเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายเหล่านั้น การศึกษาและเรียนรู้
จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อที่จะทำให้เราสามารถเลือกและตัดสินใจได้ว่าวิธีการใดมีความเหมาะสมในการนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาภูมิปัญญา
ความมุ่งมั่นตั้งใจในการเรียนรู้ทำให้มนุษย์กลายเป็นผู้ประเสริฐ มนุษย์เรียนรู้ได้จากการฟัง การอ่าน
การคิดวิเคราะห์ การทดลองปฏิบัติ และการประเมินคุณค่า
การฟังหาใช่เป็นเรื่องที่ง่ายดังที่ทุกคนคิดว่าจะเป็น
เพราะระหว่างการฟังอาจมีสิ่งมารบกวนที่ทำให้เราไม่สามารถจับใจความสำคัญของเนื้อหาสาระ
และรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของผู้พูดได้อย่างครบถ้วนถูกต้อง
ความง่วงซึ่งมักจะเกิดขึ้นมากระหว่างการฟังการบรรยายของอาจารย์ในห้องเรียนทำให้เราไม่สามารถรับข้อมูลข่าวสารได้อย่างมีสติ เสียงที่ได้ยินผ่านหู ก็จะผ่านไปโดยไม่ความทรงจำใดเกาะติด
ตกผลึกอยู่ในจิตสำนึกเลย
ความอยากพูดคุยกับเพื่อนระหว่างการฟัง นอกจากจะทำให้ข้อมูลข่าวสารที่ฟังขาดหายไปแล้ว
ยังไปรบกวนการฟังของผู้อื่นอีกด้วย เรียกว่าไม่ได้ทำลายการฟังของตนเพียงผู้เดียวแต่ยังไปทำลายการฟังของผู้อื่นอีกด้วย
ทั้งความง่วงและการพูดคุยระหว่างการฟัง
เป็นภาวะที่บ่งบอกถึงการขาดสติและสมาธิ ซึ่งทำให้การฟังไร้ประสิทธิผล เกิดความไม่เข้าใจ หรือเข้าใจคลาดเคลื่อนประเภทฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด
การฟังด้วยอารมณ์ที่มีอคติทั้งอคติในทางที่ไม่ชอบและอคติในทางที่ชอบ อคติในทางที่ไม่ชอบทำให้เราปิดกั้นตนเองไม่รับข้อมูลข่าวสารที่ผู้พูดสื่อออกมา
ส่วนอคติในทางที่ชอบทำให้เราเชื่อง่ายโดยปราศจากการไตร่ตรองให้รอบคอบต่อข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ
ดังนั้นการฟังที่ดี
จะต้องฟังอย่างตั้งใจ จดจ่อจริงจังและปราศจากอคติ
หากทำได้ดังนี้ประตูแห่งการพัฒนาภูมิปัญญาก็จะเปิดออกมา
การอ่านก็เป็นวิธีการสำคัญที่ทำให้มนุษย์พัฒนาตนเองอย่างก้าวกระโดด
เพราะทำให้เรามีโลกทัศน์และมุมมองกว้างไกล เข้าใจความคิด เหตุผล และการกระทำของผู้คนอย่างหลากหลาย การเลือกประเภทหนังสือที่อ่านเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง
แน่นอนว่าหนังสือและตำราเรียนต่างๆเป็นสิ่งที่จำเป็นของมนุษย์ทุกคนในโลกปัจจุบันและอนาคต
เพราะสิ่งเหล่านี้ได้บรรจุภูมิปัญญาและองค์ความรู้ที่สะสมกันมาอย่างยาวนานของมนุษยชาติ
ขณะเดียวกันหนังสืออื่นๆที่ไม่ใช่หนังสือวิชาการ
เช่น วรรณกรรมและกวี ก็มีความสำคัญไม่น้อยกว่ากัน เพราะช่วยให้จิตปัญญาในระดับลึกได้รับการพัฒนา
และยังช่วยให้เข้าใจวิถีชีวิตและอารมณ์เชิงสุนทรียภาพของผู้คน
การอ่านที่ดีมี
๔ ขั้นตอน คือ ๑
เริ่มจากการอ่านคำนำและสารบัญของหนังสือนั้นเพื่อทำความเข้าใจภาพรวมและองค์ประกอบของหนังสือ
๒ การอ่านบทนำและบทสรุปของหนังสือ รวมทั้งบทนำและบทสรุปของแต่ละบท
เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาสาระหลักแบบสรุปของแต่ละบท ๓
การอ่านเนื้อหารายละเอียดซึ่งเป็นการทำความเข้าใจรายละเอียดของแต่ละเรื่องในแต่ละบทแต่ละตอน และ ๔
การอ่านทบทวนสาระหลักอีกครั้งเพื่อทำให้เนื้อหาได้ตราตรึงอยู่ในความทรงจำ อนึ่งระหว่างการอ่านหากเขียนสรุปเป็น mind map ก็จะช่วยให้ความจำเนื้อหาดีขึ้น สะดวกและประหยัดเวลาในการทบทวน
เมื่ออ่านหรือฟังแล้วหากหยุดนิ่งเราก็จะได้เฉพาะสิ่งที่ผู้อื่นได้เคยกล่าวมา
เราจึงต้องคิดวิเคราะห์สิ่งที่ฟังและอ่านโดยการใช้เหตุผลและข้อมูลข่าวสารอื่นๆประกอบ และจะต้องเชื่อมโยงสิ่งที่เรารับเข้ามากับความรู้เดิมที่เรามี
เพื่อก่อเป็นความรู้ใหม่ที่ขยายออกไป
ซึ่งในขั้นตอนนี้ต้องใช้พลังแห่งการจินตนาการและการสร้างสรรค์
และถือว่าเป็นขั้นสำคัญมากในการพัฒนาภูมิปัญญาของมนุษย์
ความรู้ใหม่ที่ได้มาจะมีคุณค่าต่อมนุษยชาติหรือไม่
เราจะรู้คำตอบนี้ต่อเมื่อนำความรู้ไปทดลองปฏิบัติหากความรู้นี้สามารถนำไปใช้ในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาสร้างความเป็นอยู่ของผู้คนให้ดีขึ้น
หรือช่วยยกระดับจิตใจและจิตวิญญาณของมนุษย์ให้สูงขึ้น
ความรู้เช่นนั้นก็เป็นความรู้ที่มีคุณค่า
การพัฒนาภูมิปัญญาของมนุษย์เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างนิรันดร์ สายธารนี้จักเคลื่อนตัวไปตลอดอนันตกาลตราบเท่าที่มนุษยชาติยังดำรงอยู่
เพราะในท้ายที่สุดแล้วเป้าหมายที่สำคัญของมนุษย์คือ
การเป็นผู้รู้แจ้งและทรงภูมิปัญญานั่นเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น