การรับฟังข้อมูลข่าวสารที่บั่นทอนและทำลายประชาธิปไตย
พิชาย
รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
การรับฟังข้อมูลข่าวสารที่บั่นทอนและทำลายประชาธิปไตย
มีลักษณะสำคัญคือ 4 ประการ
1.
การรับฟังที่จำกัดคับแคบ
แบบกบในกะลา
รับฟังแต่สิ่งที่ตนเองชอบและเชื่อ
ขณะเดียวกันก็ปิดหูปิดตาต่อสิ่งที่แตกต่างจากความเชื่อของตนเอง ประเภทฟังแต่พวกเดียวกัน
ไม่ฟังคนอื่นหรือฟังแบบจับผิด
2.
การฟังที่ไร้ปัญญาขาดความสามารถในการวิเคราะห์
ไม่อาจแยกแยะได้ว่าอะไรคืออารมณ์เชิงปลุกเร้าให้ไปสู่ความหายนะ
อะไรคือเหตุผลที่ทำให้หลุดพ้นจากความงมงาย
ปะปนสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก
แล้วแต่ผู้พูดหรือผู้เขียนชักนำไปทางทิศไหน
แม้แต่จุดไฟเผาเมืองก็ยังทำ
3.
การฟังที่ขาดความสามาถในการแยกแยะว่าสิ่งใดคือความเท็จ
สิ่งใดคือความจริง และแยกไม่ออกระหว่างข้อเท็จจริงกับความคิดเห็นของผู้พูดหรือผู้เขียน
เมื่อแยกเท็จหรือจริงไม่ออกก็จะนำไปสู่ดินแดนแห่งภาวะกึ่งจริงกึ่งฝัน เช่น ฝันว่าสังคมไทยยังอยู่ในยุคศักดินา มีอำมาตย์ปกครองประเทศ หากใครมีภาวะแบบนี้สะสมมากๆ
ก็จะไม่สามารถแยกได้ว่าอะไรคือความจริง อะไรคือความฝัน ภาวะเช่นนี้ในทางจิตวิทยาเรียกว่า “จิตเภท”
หรือ จิตที่แตกแยก นั่นเอง
4.
การฟังแบบด่วนสรุปและเชื่อสุดหัวใจ
เป็นภาวะที่เมื่อผู้รับข้อมูลข่าวสารได้ยินหรืออ่านในสิ่งที่ผู้พูดหรือเขียน
ถ่ายทอดออกมา แล้วก็ด่วนสรุปและเชื่อว่ามันเป็นเช่นนั้น
โดยที่ไม่ใช้ปัญญาและเหตุผลในการไตร่ตรองอย่างรอบคอบถี่ถ้วน
ความเชื่อแบบนี้มีความสัมพันกับความคลั่งไคล้หลงใหล
หากผู้รับข้อมูลข่าวสารมีความคลั่งไคล้หรือหลงไหลต่อผู้ที่ถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารมากเท่าไร
ก็ยิ่งทำให้เชื่อเร็วยิ่งขึ้น
ความเชื่อแบบนี้มีความฝังแน่นมาก
ยากที่จะแกะให้หลุดออกจากจิตได้ง่าย
และหากประเทศใดประชาชนส่วนใหญ่รับข้อข้อมูลข่าวสารและเชื่อแบบด่วนสรุป ก็จะเป็นสิ่งบั่นทอนและทำลายประชาธิปไตย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น